เราะฟีก อัลฮะรีรี
From Wikipedia, the free encyclopedia
เราะฟีก บะฮาอ์ อัดดีน อัลฮะรีรี (อาหรับ: رفيق بهاء الدين الحريري, Rafic Baha El Deen Al Hariri, ออกเสียง: [rafiːq al ħariːriː]; 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 – 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) เป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีและอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 ถึง 1998 และอีกวาระในปี ค.ศ. 2000 จนถึงการลาออกของเขาในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (2004-10-20) เขาเป็นผู้นำของคณะรัฐมนตรีรวมห้าคณะตลอดการดำรงตำแหน่ง อัลฮะรีรีเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ก่อร่างข้อตกลงอัฏฏออิฟที่เป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองเลบานอนที่กินระยะเวลาไป 15 ปี และก่อสร้างเมืองหลวงเบรุตขึ้นใหม่ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกหลังสงครามกลางเมืองและเป็นนักการเมืองที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในเลบานอนจนกระทั่งเขาถูกลอบสังหาร
เราะฟีก อัลฮะรีรี | |
---|---|
رفيق الحريري | |
นายกรัฐมนตรีเลบานอน | |
ดำรงตำแหน่ง 23 ตุลาคม 2000 – 21 ตุลาคม 2004 | |
ประธานาธิบดี | เอมีล ละฮูด |
ก่อนหน้า | ซะลีม อัลฮุศ |
ถัดไป | อุมัร กะรอมี |
ดำรงตำแหน่ง 31 มกราคม 1992 – 2 ธันวาคม 1998 | |
ประธานาธิบดี | เอเลียส ฮราวี เอมีล ละฮูด |
ก่อนหน้า | เราะชีด อัศศุลห์ |
ถัดไป | ซะลีม อัลฮุศ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | เราะฟีก บะฮาอ์ อัดดีน อัลฮะรีรี (Rafic Baha El Deen Al Hariri) 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944(1944-11-01) ไซดอน ประเทศเลบานอน |
เสียชีวิต | 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005(2005-02-14) (60 ปี) เบรุต ประเทศเลบานอน |
เชื้อชาติ | เลบานอนและซาอุดีอาระเบีย |
พรรคการเมือง | ขบวนการอนาคต |
คู่สมรส | Nidal Bustani, นาซิก อัลฮะรีรี |
บุตร | บะฮาอ์, ซะอด์, ฮุซาม, อัยมัน, ฟะฮด์, ฮินด์ |
อัลฮะรีรีถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 โดยการวางระเบิดฆ่าตัวตายบนรถบรรทุกในเบรุต ผู้ต้องหาคดีนี้ประกอบด้วยสมาชิกของฮิซบุลลอฮ์ห้าคนและยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีโดยปราศจากตัวจำเลยโดยศาลพิเศษเลบานอน ในขณะที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบางส่วนมีความเกี่ยวโยงกับรัฐบาลซีเรีย การลอบสังหารนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญในเลบานอน ประชาชนได้ออกมาประท้วงในการปฏิวัติซีดาร์ที่ท้ายที่สุดนำไปสู่การถอนกำลังทหารซีเรียออกจากเลบานอนและการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในที่สุด
เขาเคยถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่มั่งคั่งที่สุด 100 คนของโลก[1] และนักการเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก[2]