เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค
อดีตประธานาธิบดีเยอรมนี / From Wikipedia, the free encyclopedia
เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค หรือชื่อเต็มคือ เพาล์ ลูทวิช ฮันส์ อันโทน ฟ็อน เบ็นเน็คเคินดอร์ฟ อุนท์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค (เยอรมัน: Paul Ludwig Hans Anton von Beneckendorff und von Hindenburg) เป็นจอมพลและรัฐบุรุษชาวเยอรมัน เขาเป็นผู้บัญชาการทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และต่อมาเป็นประธานาธิบดีเยอรมนีในปี 1925 จนถึงแก่อสัญกรรม จอมพลฮินเดินบวร์คมีส่วนสำคัญที่ทำให้ฮิตเลอร์ได้เถลิงอำนาจในปี 1933 (แม้เขาไม่ชอบฮิตเลอร์) เขายอมลงนามตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ขณะนั้นพรรคนาซียังเป็นเสียงข้างน้อยในที่ประชุมใหญ่ไรชส์ทาค
เพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค | |
---|---|
Paul von Hindenburg | |
ประธานาธิบดีเยอรมนี | |
ดำรงตำแหน่ง 12 พฤษภาคม 1925 – 2 สิงหาคม 1934 | |
ก่อนหน้า | ฟรีดริช เอเบิร์ท |
ถัดไป | อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ฟือเรอร์แห่งเยอรมนี) |
หัวหน้าคณะเสนาธิการใหญ่จักรวรรดิเยอรมัน | |
ดำรงตำแหน่ง 29 สิงหาคม 1916 – 3 กรกฎาคม 1919 | |
กษัตริย์ | จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 |
ประธานาธิบดี | ฟรีดริช เอเบิร์ท |
ก่อนหน้า | เอริช ฟ็อน ฟัลเคินไฮน์ |
ถัดไป | วิลเฮ็ล์ม เกรอเนอร์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | เพาล์ ลูทวิช ฮันส์ อันโทน ฟ็อน เบ็นเนอเคินดอร์ฟ อุนท์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค 2 ตุลาคม ค.ศ. 1847(1847-10-02) โพเซิน, ราชอาณาจักรปรัสเซีย (ปัจจุบันคือพอซนาน, โปแลนด์) |
เสียชีวิต | 2 สิงหาคม ค.ศ. 1934(1934-08-02) (86 ปี) น็อยเด็ค, ปรัสเซียตะวันออก, เยอรมนี (ปัจจุบันคือออกรอแจแญตส์, โปแลนด์) |
ศาสนา | ลูเทอแรน |
พรรคการเมือง | อิสระ (สายอนุรักษนิยม) |
บุตร | 3 คน |
รางวัล | มหากางเขนแห่งกางเขนเหล็ก พัวร์เลอเมรีท |
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
สังกัด | กองทัพบกปรัสเซีย กองทัพบกเยอรมัน |
ประจำการ | ค.ศ. 1866–1919 |
ยศ | จอมพล (Generalfeldmarschall) |
สงคราม/การสู้รบ | |
ฮินเดินบวร์คเกิดในตระกูลขุนนางปรัสเซียระดับล่าง เขาเข้าร่วมกองทัพปรัสเซียในปี 1866 และผ่านสงครามออสเตรีย-ปรัสเซีย สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ฮินเดินบวร์คเกษียณราชการในปี 1911 ขณะมียศเป็นพลเอกทหารราบ แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้นในปี 1914 เขาก็ถูกเรียกเข้ารับราชการใหม่ในวัย 66 ปี เขาสร้างชื่อเสียงไปทั่วประเทศจากชัยชนะในยุทธการที่ทันเนินแบร์คและได้เลื่อนยศเป็นจอมพลในวันที่ 27 พฤศจิกายน 1914 ต่อมาฮินเดินบวร์คได้รับตำแหน่งหัวหน้าคณะเสนาธิการใหญ่จักรวรรดิในปี 1916[1] ความนิยมชมชอบในตัวเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นลัทธิบูชาบุคคล จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มทรงเพิ่มอำนาจเขาในกรมบัญชาการทหารสูงสุด ในที่สุด ฮินเดินบวร์คและผู้ช่วยอย่างพลเอกเอริช ลูเดินดอร์ฟ ก็กลายเป็นสองผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือกองทัพ
ภายหลังเยอรมนีแพ้สงคราม ฮินเดินบวร์คก็เกษียณอีกครั้งในปี 1919 แต่แล้วก็กลับสู่แวดวงระดับชาติอีกครั้งในปี 1925 เพื่อสมัครลงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่สองและเขาก็ชนะการเลือกตั้ง ฮินเดินบวร์คชนะการเลือกตั้งอีดครั้งในปี 1932 โดยกวาดที่นั่งเหนือพรรคนาซีอย่างขาดลอย แม้ฮินเดินบวร์คพยายามจะขัดขวางฮิตเลอร์และพยายามรักษาเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากกระแสคอมมิวนิสต์ การยุบสภาในเดือนพฤศจิกายน 1932 ทำให้พรรคนาซีชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภา ฮินเดินบวร์คยอมแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีในต้นปี 1933 และเดือนต่อมาก็ลงนามในกฤษฎีกาเพลิงไหม้ไรชส์ทาคซึ่งระงับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ท้ายที่สุด สถานการณ์ก็บีบให้เขาลงนามในรัฐบัญญัติมอบอำนาจแก่ฮิตเลอร์ในเดือนมีนาคม 1933 อันเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบนาซีอย่างเป็นทางการ ฮินเดินบวร์คเริ่มลดบทบาทตัวเองลงเนื่องด้วยเหตุผลทางสุขภาพ
ในปีถัดมา ประธานาธิบดีฮินเดินบวร์คซึ่งพำนักอยู่ในบ้านพักที่ปรัสเซียตะวันออก ได้ถึงแก่อสัญกรรมจากโรคมะเร็งปอดในวัย 86 ปี ฮิตเลอร์จึงได้ให้คณะรัฐมนตรีผ่าน "กฎหมายว่าด้วยตำแหน่งประมุขสูงสุดแห่งไรช์" ประกาศตนเป็น "ฟือเรอร์และนายกรัฐมนตรีไรช์" แทนที่ตำแหน่งประธานาธิบดี[2]