อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวเยอรมัน-อเมริกัน / From Wikipedia, the free encyclopedia
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (อังกฤษ: Albert Einstein, ออกเสียง: /ˈaɪnstaɪn/)[1] หรือ อัลแบร์ท ไอน์ชไตน์ (เสียงอ่านภาษาเยอรมัน: [ˈalbɛʁt ˈʔaɪnʃtaɪn]; 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 – 18 เมษายน ค.ศ. 1955) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวเยอรมันมาแต่โดยกำเนิด[2] ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ไอน์สไตน์ได้เป็นที่รู้จักกันในการพัฒนาทฤษฎีสัมพัทธภาพ แต่เขายังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัม ทฤษฎีสัมพัทธภาพและทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมเป็นสองเสาหลักของฟิสิกส์สมัยใหม่ สูตรความสมมูลมวล–พลังงานของเขา E = mc2 ซึ่งเกิดจากทฤษฎีสัมพัทธภาพจึงได้รับการขนานนามว่า เป็น "สมการที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก"[3] ผลงานของเขาได้เป็นที่รู้จักจากอิทธิพลที่มีต่อปรัชญาทางวิทยาศาสตร์[4][5] เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี ค.ศ. 1921 "สำหรับทำหน้าที่ทางด้านฟิสิกส์ทฤษฏี" โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นพบปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก[6] ขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัม ความสำเร็จทางปัญญาและความคิดริเริ่มของเขาส่งผลให้ "ไอน์สไตน์" กลายเป็นคำพ้องที่มีความหมายตรงกับคำว่า "จีเนียส"(อัจฉริยะ)[7]
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ | |
---|---|
ภาพถ่ายของไอน์สไตน์ขณะมีอายุ 42 ปี | |
เกิด | 14 มีนาคม พ.ศ. 2422 อุล์ม ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค จักรวรรดิเยอรมัน |
เสียชีวิต | 18 เมษายน พ.ศ. 2498 (76 ปี) พรินสตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ |
สัญชาติ | เวือร์ทเทิมแบร์ค (พ.ศ. 2422–2439) ไร้สัญชาติ (พ.ศ. 2439–2444) |
อาชีพ | นักฟิสิกส์ทฤษฎี |
มีชื่อเสียงจาก | ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก การเคลื่อนที่ของบราวน์ สมการสนามของไอน์สไตน์ ทฤษฎีแรงเอกภาพ |
ลายมือชื่อ | |
ในปี ค.ศ. 1905 ปีนั้นได้ถูกเรียกกันเป็นบางครั้งว่า annus mirabilis (ปีที่มหัศจรรย์) ไอน์สไตน์ได้ตีพิมพ์บทความถึงการค้นพบครั้งใหม่ถึงสี่ฉบับ[8] สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงทฤษฏีปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ซึ่งได้อธิบายถึงการเคลื่อนที่แบบบราวน์ เป็นการนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและแสดงให้เห็นถึงความสมมูลมวล–พลังงาน ไอน์สไตน์คิดว่ากฏของกลศาสตร์คลาสสิคไม่อาจสอดคล้องกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้อีกต่อไป ซึ่งทำให้เขาพัฒนาทฤษฏีสัมพันธภาพพิเศษ จากนั้นเขาได้ขยายทฤษฏีสนามแรงโน้มถ่วง เขาได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปในปี ค.ศ. 1916 เป็นการนำเสนอทฤษฏีแรงโน้มถ่วง ในปี ค.ศ. 1917 เขาได้ใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเพื่อสร้างแบบจำลองโครงสร้างของจักรวาล[9][10] เขายังคงจัดการกับปัญหาของกลศาสตร์เชิงสถิติและทฤษฎีควอนตัม ซึ่งนำไปสู่การอธิบายทฤษฎีอนุภาคและการเคลื่อนที่ของโมเลกุล นอกจากนี้เขายังตรวจสอบคุณสมบัติทางความร้อนของแสงและทฤษฎีควอนตัมของการแผ่รังสี ซึ่งเป็นรากฐานของทฤษฎีโฟตอนของแสง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมาของอาชีพการงานของเขา เขาคิดค้นงานวิจัยอยู่สองอย่าง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย งานแรก แม้ว่าเขาจะมีส่วนอย่างมากในกลศาสตร์ควอนตัม เขาไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีของกลศาสตร์ควอนตัมที่พัฒนามาในภายหลังโดยปฏิเสธว่า ธรรมชาติ "จะไม่ทอยลูกเต๋า"[11] งานที่สอง เขาได้พยายามคิดค้นทฤษฎีสนามรวม โดยสรุปทฤษฎีความโน้มถ่วงทางเรขาคณิตเพื่อรวมเข้ากับทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นผลทำให้เขาตีตัวออกห่างจากกระแสหลักของฟิสิกส์สมัยใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไอน์สไตน์เกิดในจักรวรรดิเยอรมัน แต่ย้ายไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1895 ได้ละทิ้งสัญชาติเยอรมัน (เป็นเรื่องของราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค)[note 1] ภายหลังปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1897 เมื่อมีอายุได้ 17 ปี เขาได้สมัครเรียนหลักสูตรการสอนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ระดับอนุปริญญาที่โรงเรียนสารพัดช่างแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิส ซือริช) ในเมืองซือริช ซึ่งจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1900 ในปี ค.ศ. 1901 เขาได้รับสัญชาติสวิส ซึ่งเขาได้เก็บเอาไว้ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ และในปี ค.ศ. 1903 เขาได้ดำรงตำแหน่งอย่างถาวรที่สำนักงานสิทธิบัตรสวิสในกรุงเบิร์น ในปี ค.ศ. 1905 เขาได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยซือริช ในปี ค.ศ. 1914 ไอน์สไตน์ได้ย้ายไปยังกรุงเบอร์ลินตามคำสั่งในการเข้าร่วมกับสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งปรัสเซียและมหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน ในปี ค.ศ. 1917 ไอน์สไตน์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันฟิสิกส์ไคเซอร์วิลเฮล์ม เขายังได้กลายเป็นพลเมืองชาวเยอรมันอีกครั้ง - ปรัสเซียในช่วงเวลานั้น ในปี ค.ศ. 1933 ในขณะที่ไอน์สไตน์ได้ไปเยือนที่สหรัฐอเมริกา อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ก็ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ไอน์สไตน์ไม่ได้เดินทางกลับเยอรมนีเพราะเขาคัดค้านนโยบายของรัฐบาลที่นำโดยนาซีซึ่งได้รับเลือกตั้งขึ้นมาใหม่[12] เขาได้ตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาและกลายเป็นพลเมืองอเมริกันในปี ค.ศ. 1940[13] ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เขียนจดหมายไปถึงประธานาธิบดีสหรัฐแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ เพื่อย้ำเตือนเขาถึงโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเยอรมนีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และแนะนำให้สหรัฐเริ่มทำการวิจัยโครงการแบบเดียวกัน ไอน์สไตน์ได้ให้การสนับสนุนแก่ฝ่ายสัมพันธมิตรแต่ส่วนใหญ่ก็ประณามแนวคิดเรื่องอาวุธนิวเคลียร์