สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3
From Wikipedia, the free encyclopedia
สาธารณรัฐฝรั่งเศส République française | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1870–1940 | |||||||||||||||
สาธารณรัฐฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1914
| |||||||||||||||
ดินแดนและอาณานิคมของสาธารณรัฐฝรั่งเศสในช่วงปลาย ค.ศ. 1939
| |||||||||||||||
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ปารีส | ||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ฝรั่งเศส (ทางการ), ภาษาอื่น ๆ | ||||||||||||||
ศาสนา |
| ||||||||||||||
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภา | ||||||||||||||
ประธานาธิบดี | |||||||||||||||
• ค.ศ. 1871–1873 (คนแรก) | อาดอลฟ์ ตีแยร์ | ||||||||||||||
• ค.ศ. 1932–1940 (คนสุดท้าย) | อาลแบร์ เลอเบริง | ||||||||||||||
นายกรัฐมนตรี | |||||||||||||||
• ค.ศ. 1870–1871 (คนแรก) | หลุยส์ ฌูล ทรอชูว์ | ||||||||||||||
• ค.ศ. 1940 (คนสุดท้าย) | ฟีลิป เปแต็ง | ||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา | ||||||||||||||
• สภาสูง | วุฒิสภา | ||||||||||||||
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฏร | ||||||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||||||
• ประกาศโดยเลอง ก็องแบ็ตตา | 4 กันยายน 1870 | ||||||||||||||
• ก่อตั้งฝรั่งเศสเขตวีชี | 10 กรกฎาคม 1940 | ||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||
• 1870 | 36,100,000[1] | ||||||||||||||
สกุลเงิน | ฟรังก์ฝรั่งเศส | ||||||||||||||
| |||||||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | ฝรั่งเศส แอลจีเรีย |
สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สาม (ฝรั่งเศส: Troisième République บางครั้งเขียนย่อว่า La IIIe République) เป็นชื่อของระบอบการปกครองของประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870 เกิดขึ้นหลังจากการพ่ายแพ้ของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สองต่อจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสสูญเสีย อาลซัส-ลอแรน และดำรงอยู่มาจนล่มสลายเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 หลังจากการรุกรานฝรั่งเศสของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลฝรั่งเศสเขตวีชี
ช่วงเริ่มแรกของสาธารณรัฐที่สามต้องเผชิญกับความปั่นป่วนทางการเมือง เนื่องจากสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1870–1871 ซึ่งนำมาสู่การล่มสลายของจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สองของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ในวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870 หลังจากการพ่ายแพ้สงคราม ฝรั่งเศสต้องสูญเสียพื้นที่อาลซัส (ยกเว้นแตรีตัวร์เดอแบลฟอร์) และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลอแรน (ปัจจุบันคือ จังหวัดมอแซล) ให้แก่ปรัสเซีย จากความไม่มั่นคงทางการเมือง และการก่อการกำเริบของฝ่ายคณะปฏิวัติที่เรียกตนเองว่า คอมมูนปารีส จึงมีการพิจารณาที่จะนำระบอบกษัตริย์กลับมาปกครองฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในรัฐบาลไม่เห็นด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐที่สามซึ่งเดิมเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล กลายเป็นรัฐบาลของประเทศฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์
รัฐธรรมนูญแห่งฝรั่งเศส ค.ศ. 1875 ได้กำหนดรูปแบบโครงสร้างบริหารอำนาจของสาธารณรัฐที่สามอันประกอบด้วย ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีรัฐสภาซึ่งใช้ระบบสภาคู่เป็นผู้ใช้อำนาจ ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา และมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐ การเรียกร้องให้มีการสถาปนาสถาบันกษัตริย์ขึ้นใหม่มีความเด่นชัดที่สุดในช่วงการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทั้งสองคนแรก คือ อาดอลฟ์ ตีแยร์ และปาทริส เดอ มัก-มาอง แต่การสนับสนุนระบอบสาธารณรัฐที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชาวฝรั่งเศสและการมีประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันในทศวรรษที่ 1880 ทำให้การเรียกร้องการฟื้นฟูพระมหากษัตริย์ค่อย ๆ ลดลง
สาธารณรัฐที่สามได้ก่อตั้งอาณานิคมไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ อินโดจีนฝรั่งเศส, เฟรนช์มาดากัสการ์, เฟรนช์พอลินีเชีย และดินแดนขนาดใหญ่ในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงการแข่งขันล่าอาณานิคมในทวีปแอฟริกา โดยกินเวลากว่าสองทศวรรษในปลายศตวรรษที่ 19 ทำให้จักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสเป็นจักรวรรดิอาณานิคมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากจักรวรรดิบริติช โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 13,500,000 ตารางกิโลเมตร (5,200,000 ตารางไมค์) ในแง่ของจำนวนประชากร ฝรั่งเศสและอาณานิคมในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองมีประชากรทั้งหมด 150 ล้านคน เป็นรองเพียงบริติชอินเดียที่มีประชากรทั้งหมด 330 ล้านคน
อาดอลฟ์ ตีแยร์ ได้เรียกระบอบสาธารณรัฐในทศวรรษที่ 1870 ว่าเป็น “รูปแบบรัฐบาลที่แทบไม่มีการแบ่งฝ่าย” อย่างไรก็ตาม การเมืองภายในรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐกลับมีการแบ่งฝ่ายกันอย่างรุนแรง โดยมีฝ่ายซ้ายนำโดย “ฝ่ายปฏิรูปฝรั่งเศส” ซึ่งมีรากฐานมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส และฝ่ายขวานำโดยพวกอนุรักษนิยม ซึ่งมีรากฐานมาจากชาวนาที่นับถือนิกายคาทอลิก และทหาร[2] แม้ว่าฝรั่งเศสจะมีการแบ่งฝ่ายการเมืองอย่างรุนแรง และพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลกันอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สาธารณรัฐที่สามก็สามารถดำรงอยู่เป็นเวลานานกว่าเจ็ดสิบปี ทำให้เป็นยุคของสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่อายุยืนที่สุด นับตั้งแต่มีการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 เป็นต้นมา[3] และสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 โดยเป็นสาธารณรัฐปัจจุบัน จะแซงหน้าเป็นสาธารณรัฐที่ยืนยาวที่สุด ในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2028