ฟาโรห์ตุตันคาเมน
From Wikipedia, the free encyclopedia
ทูเทินคามูน[2] (อักษรโรมัน: Tutankhamun) หรือ ทุตอังคาเมิน,[3] ทูทังคาเมิน,[2] ทูเทินคาเมิน,[4] หรือ ทูเทินคาเมน[2] (อักษรโรมัน: Tutankhamen) หรือ ทูตเอิงคาเมิน[3] (อักษรโรมัน: Tutenkhamon) หรือ อาเมิน-ทุต-อังค์ (Amen-tut-ankh) ตามอักษรไฮเออโรกลีฟอียิปต์ที่เอาพระนามเทพเจ้าขึ้นก่อนพระนามส่วนพระองค์เพื่อแสดงความเคารพต่อเทวะ[5] มีความหมายว่า "รูปลักษณ์ที่มีชีวิตของอาเมิน" (Living Image of Amen) คนไทยมักเรียก ตุตันคาเมน หรือ ตุตันคามุน เป็นฟาโรห์พระองค์หนึ่งในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์โบราณ มีพระชนม์อยู่ในราว 1341–1323 ปีก่อนคริสตกาล และเสวยราชย์ราวเก้าปีใน 1332–1323 ปีก่อนคริสตกาลตามลำดับเวลามาตรฐาน ในช่วงที่ประวัติศาสตร์อียิปต์เรียกว่า ราชอาณาจักรใหม่ (New Kingdom) หรือ จักรวรรดิใหม่ (New Empire) อนึ่ง ยังเป็นไปได้ว่า พระองค์เป็นบุคคลเดียวกับ นีบูร์เรเรยา (Nibhurrereya) ในเอกสารอะมาร์นา (Amarna letters) รวมถึง พระเจ้าราโททิส (King Rathotis) ที่ปราชญ์แมนะโท (Manetho) ระบุว่า เป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ 18 และครองราชสมบัติเก้าปี[6]
ทูเทินคามูน | |
---|---|
ฟาโรห์ | |
รัชกาล | ราว 1332–1323 ปีก่อนคริสตกาล ในราชอาณาจักรใหม่ |
ก่อนหน้า | เนเฟอร์เนเฟรูอาเทิน |
ถัดไป | เคเปอร์เคเปอร์รูเร ไอย์, ญาติของมเหสี |
คู่เสกสมรส | อังเคเซนามูน (Ankhesenamun), พี่สาว/น้องสาวร่วมบิดา/มารดา |
พระราชบุตร | พระราชธิดา 2 พระองค์ (สิ้นพระชนม์เมื่อแรกประสูติ) |
พระราชบิดา | แอเคอนาเทิน (Akhenaten)[1] |
พระราชมารดา | เดอะยังเกอร์เลดี (The Younger Lady) |
พระราชสมภพ | ราว 1341 ปีก่อนคริสตกาล |
สวรรคต | ราว 1323 ปีก่อนคริสตกาล (ราว 18/19 ชันษา) |
สุสาน | เควี 62 |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ที่ 18 |
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ผลการตรวจทางพันธุกรรมยืนยันว่า ฟาโรห์แอเคอนาเทิน (Akhenaten) มีสัมพันธ์กับพี่สาวหรือน้องสาวของตน คือ ศพที่ตั้งชื่อว่า เดอะยังเกอร์เลดี (The Younger Lady) จนมีโอรสด้วยกัน คือ ทูเทินคามูน[7]
ใน ค.ศ. 1922 เฮาเวิร์ด คาร์เทอร์ (Howard Carter) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากจอร์จ เฮอร์เบิร์ต เอิร์ลที่ 5 แห่งคาร์นาร์เวิน (George Herbert, 5th Earl of Carnarvon) ค้นพบสุสานของทูเทินคามูน ชื่อ เควี 62 (KV62) ซึ่งมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ จึงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทั่วโลก[8][9] ทั้งทำให้สาธารณชนสนใจอียิปต์ และหน้ากากพระศพก็ได้รับการใช้เป็นสัญลักษณ์ของอียิปต์โบราณมาจนทุกวันนี้ ข้าวของเครื่องใช้จากสุสานของพระองค์ยังได้รับการนำพาไปจัดแสดงทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงว่า การตายของบุคคลหลายคนนับแต่ค้นพบพระศพของพระองค์เป็นต้นมาเกี่ยวข้องกับคำสาปฟาโรห์[10]