ประชาธิปไตยเสรีนิยม
From Wikipedia, the free encyclopedia
ประชาธิปไตยเสรีนิยม หรือ ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม (อังกฤษ: Liberal democracy) หรือบ้างเรียก ประชาธิปไตยแบบตะวันตก เป็นทั้งคตินิยมทางการเมืองและระบอบการปกครองรูปแบบหนึ่ง ที่การปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนจะดำเนินการใต้หลักเสรีนิยม คือ การพิทักษ์สิทธิของปัจเจกบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุไว้ในกฎหมาย ระบอบมีลักษณะเฉพาะ คือ
- มีการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม และมีการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองหลายพรรคที่แยกจากกันอย่างชัดเจน
- มีการแยกใช้อำนาจ
- ใช้หลักนิติธรรมในชีวิตประจำวันโดยเป็นส่วนของสังคมเปิด
- เศรษฐกิจแบบตลาดโดยมีทรัพย์สินส่วนบุคคล
- คุ้มครองสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมือง เสรีภาพพลเมือง และเสรีภาพทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน
การนิยามระบบดังกล่าวในทางปฏิบัติ บ่อยครั้งจะกำหนดในรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจประมวลเป็นลายลักษณ์อักษร หรือยังไม่ประมวลขึ้น (เช่น สหราชอาณาจักร) ก็ได้ เพื่อวางเค้าโครงอำนาจของรัฐบาลและประดิษฐานสัญญาประชาคม หลังมีความแพร่หลายมากขึ้นตลอดครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประชาธิปไตยเสรีนิยมก็ได้กลายเป็นระบบการเมืองที่ใช้กันมากที่สุดในโลก[1]
รัฐประชาธิปไตยเสรีนิยมมีหลายรูปแบบ อาจเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือสาธารณรัฐ และอาจเป็นระบบรัฐสภา ระบบประธานาธิบดี หรือระบบกึ่งประธานาธิบดีก็ได้
ระบอบนี้ปกติจะมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั่วไป คือให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแก่ประชากรที่ถึงวัยทุกคนโดยไม่คำนึงถึงชาติพันธุ์ เพศ การถือครองทรัพย์สิน เชื้อชาติ อายุ (สูงสุด) เพศสภาพ รายได้ สถานภาพทางสังคมหรือศาสนา แต่ในอดีตประเทศที่ถูกจัดให้เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมก็เคยมีการจำกัดสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วยเช่นกัน แม้ในปัจจุบัน บางประเทศที่จัดให้เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมก็ไม่ได้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั่วไปอย่างแท้จริง เช่น สหราชอาณาจักรและสหรัฐส่วนใหญ่ตัดสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งแก่ผู้ต้องโทษจำคุกเป็นเวลานาน ข้อมูลของ Coppedge และ Reinicke พบว่าประเทศร้อยละ 85 ในโลกมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั่วไป หลายประเทศกำหนดให้ต้องมีเอกสารพิสูจน์รูปพรรณก่อนได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ ในการเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจที่แท้จริงคือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ออกไปใช้สิทธิ์ ไม่ใช่พลเมืองทุกคน
รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมจะนิยามความเป็นประชาธิปไตยของรัฐ จุดประสงค์ของรัฐธรรมนูญบ่อยครั้งมองว่า เพื่อจำกัดอำนาจของรัฐบาล ระบอบนี้ เน้นการแยกใช้อำนาจ ความเป็นอิสระของตุลาการ และระบบดุลอำนาจระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ของรัฐ และมักจะเน้นความสำคัญว่า รัฐต้องทำตามหลักนิติธรรม อำนาจของรัฐบาลจะเป็นเรื่องชอบธรรมก็ต่อเมื่อเป็นไปตามกฎหมายที่เขียน ผ่านการยอมรับ แล้วเปิดเผยเป็นสาธารณะ และเมื่อบริหารตามกฎระเบียบที่วางไว้ ประเทศหลายประเทศใช้ระบบสหพันธรัฐ ซึ่งแยกใช้อำนาจแบบแนวตั้งด้วย เพื่อป้องกันการใช้อำนาจผิด ๆ และเพิ่มส่วนร่วมของประชาชนโดยแบ่งอำนาจระหว่างเทศบาลเมือง สภาจังหวัด และรัฐบาลประเทศ เช่น ในเยอรมนี รัฐบาลกลางมีหน้าที่ออกกฎหมาย แต่รัฐบาลรัฐ (Länder) เป็นผู้บริหารอำนาจหลายอย่าง[ต้องการอ้างอิง]