ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2553
From Wikipedia, the free encyclopedia
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2553 เป็นฤดูกาลในอดีตที่เคยมีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ฤดูกาลดังกล่าวจะลากยาวตลอด พ.ศ. 2553 โดยพายุหมุนส่วนใหญ่จะก่อตัวขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิกที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนน้อยที่สุด โดยมีพายุโซนร้อนเพียง 14 ลูก และในจำนวนนั้น 7 ลูกทวีกำลังแรงเป็นถึงพายุไต้ฝุ่น และมีเพียงลูกเดียวที่เป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2553 เป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนน้อยกว่า ฤดูพายุเฮอร์ริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่สองครั้ง โดยอีกครั้งหนึ่งคือในปี พ.ศ. 2548 ในปีเดียวกันนี้ ฤดูพายุเฮอร์ริเคนแปซิฟิกก็ยังทำลายสถิติการก่อตัวน้อยที่สุดในทำนองเดียวกันนี้ด้วย ในฤดูกาลนี้ ไม่มีพายุใดที่พัดขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นเลย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 นอกจากนี้ พายุทั้ง 14 ลูกที่ได้รับชื่อนั้น ล้วนก่อตัวขึ้นทางตะวันตกของเส้นเมริเดียนที่ 150 องศาตะวันออกทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น ดัชนีการสะสมพลังงานในพายุหมุนเขตร้อน (ACE) นั้นมีค่าเพียง 115 หน่วยเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับที่สอง รองจากในปี พ.ศ. 2542 โดยเป็นปีที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีค่าดัชนี ACE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2553 | |
---|---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | |
ขอบเขตฤดูกาล | |
ระบบแรกก่อตัว | 18 มกราคม พ.ศ. 2553 |
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553 |
พายุมีกำลังมากที่สุด | |
ชื่อ | เมกี |
• ลมแรงสูงสุด | 230 กม./ชม. (145 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที) |
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 885 hPa (มิลลิบาร์) |
สถิติฤดูกาล | |
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 29 ลูก |
พายุโซนร้อนทั้งหมด | ทางการ 14 ลูก, ไม่เป็นทางการ 1 ลูก (สถิติน้อยที่สุด) |
พายุไต้ฝุ่น | 7 ลูก |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น | 1 ลูก (เป็นทางการ) 1 ลูก (ไม่เป็นทางการ) |
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | 384 คน |
ความเสียหายทั้งหมด | 2.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงิน USD ปี 2010) |
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก 2551, 2552, 2553, 2554, 2555 |
พายุลูกแรกของฤดูกาลที่ได้รับชื่อคือ โอไมส์ ก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ส่วนพายุลูกสุดท้ายที่ได้รับชื่อคือ ชบา สลายตัวหรือกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ในระหว่างฤดูกาล มีพายุเพียงสองลูกที่มีความโดดเด่น นั่นคือ พายุไต้ฝุ่นคมปาซุ ซึ่งเป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดที่พัดขึ้นฝั่งประเทศเกาหลีใต้ในรอบ 15 ปี และในเดือนตุลาคม พายุไต้ฝุ่นเมกี ซึ่งเป็นพายุที่มีกำลังแรงที่สุดของฤดูกาล โดยมีความกดอากาศต่ำที่สุด 885 hPa ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดที่เคยบันทึกไว้ นอกจากนี้ ยังมีพายุกึ่งโซนร้อนที่ก่อตัวได้ยาก ก่อตัวขึ้นในเดือนตุลาคม และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนโอเมกา เมื่อเคลื่อนตัวข้ามแอ่งไปแล้ว
ขอบเขตของบทความนี้จำกัดเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ระหว่างเมอริเดียนที่ 100 และ 180 ตะวันออก ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ มีสองหน่วยงานที่กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งอาจเป็นผลให้พายุลูกหนึ่งมีสองชื่อ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) จะตั้งชื่อพายุถ้าพายุลูกนั้นมีความเร็วลมที่รอบศูนย์กลางพายุที่สูงสุด 10 นาที อย่างน้อย 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดในแอ่ง ขณะที่สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งเคลื่อนเข้าสู่หรือก่อตัวขึ้นเป็นดีเปรสชันเขตร้อนในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานฯ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างลองติจูด 135 และ 115 องศาตะวันออก และระหว่างละติจูด 5 ถึง 25 องศาเหนือ แม้พายุนั้นจะมีชื่อที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นตั้งแล้วก็ตาม นอกจากนี้พายุดีเปรสชันเขตร้อนซึ่งถูกเฝ้าติดตามโดยศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ของสหรัฐยังได้รับการกำหนดหมายเลขและเติมตัวอักษร "W" ต่อท้ายเป็นรหัสเรียกด้วย