มะเร็งท่อน้ำดี
From Wikipedia, the free encyclopedia
มะเร็งท่อน้ำดี หรือ โคแลงจิโอคาร์ซิโนมา (อังกฤษ: cholangiocarcinoma) เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดกับท่อน้ำดี[1] อาการของโรค เช่น ปวดท้อง ดีซ่าน น้ำหนักลด คันทั่วร่าง และไข้[2] นอกจากนี้ อาจพบว่าอุจจาระสีจางและปัสสาวะสีเข้ม[4] มะเร็งในตำแหน่งอื่น ๆ ที่นับเป็นมะเร็งท่อน้ำดี ได้แก่ มะเร็งถุงน้ำดี และมะเร็งของกระเปาะของวาเตอร์[8]
มะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma) | |
---|---|
ภาพกล้องจุลทรรศน์ของมะเร็งท่อน้ำดีชนิดในตับ (ซีกขวาของภาพ) เทียบกับเซลล์ตับปกติ (ซีกซ้าย) สีย้อมเอชแอนด์อี | |
การออกเสียง |
|
สาขาวิชา | วิทยามะเร็ง |
อาการ | ปวดท้อง, ดีซ่าน, น้ำหนักลด, คันทั่วร่าง, ไข้[2] |
การตั้งต้น | 70 ปี[3] |
ประเภท | ในตับ, บริเวณขั้วตับ, ส่วนปลาย[3] |
ปัจจัยเสี่ยง | ท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ, ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล, การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับบางชนิด การผิดรูปของตับแต่กำเนิดบางชนิด[2] |
วิธีวินิจฉัย | ยืนยันจากการตรวจเนื้องอกภายใต้กล้องจุลทรรศน์[4] |
การรักษา | การผ่าตัดออก, เคมีบำบัด, รังสีบำบัด, การใส่ท่อค้ำยัน, การปลูกถ่ายตับ[2] |
พยากรณ์โรค | โดยทั่วไปเลว[5] |
ความชุก | 1–2 คนต่อ 100,000 คนต่อปี (โลกตะวันตก)[6] 84.6 ต่อ 100000 ประชากร (ชาย) และ 36.8 ต่อ 100000 ประชากร (หญิง) (ประเทศไทย)[7] |
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งท่อน้ำดี เช่น ท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล ตับแข็ง ตับอักเสบซี ตับอักเสบบี การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับบางชนิด และการผิดรูปของตับบางชนิด[2][3][9] อย่างไรก็ดี บุคคลส่วนใหญ่ไม่สามารถหาปัจจัยเสี่ยงได้[3] การวินิจฉัยเป็นการตั้งข้อสงสัยโดยอาศัยการทดสอบเลือด การถ่ายภาพทางการแพทย์ การส่องกล้องลำไส้ และบางทีรวมถึงการสำรวจโดยผ่าตัด[4] ยืนยันโรคโดยการตรวจสอบเซลล์จากเนื้องอกภายใต้กล้องจุลทรรศน์[4] ตรงแบบเป็นมะเร็งชนิดต่อม[3]
หากผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีมีอาการครบตามแบบฉบับ มักอยู่ในระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว[2] ในผู้ป่วยเหล่านี้การรักษาประทังอาจได้แก่การผ่าตัดออก เคมีบำบัด รังสีบำบัด และการใส่ท่อค้ำยัน[2] การผ่าตัดสามารถตัดเนื้องอกออกได้ในผู้ป่วยประมาณหนึ่งในสามที่มะเร็งเกิดที่ท่อน้ำดีรวม และน้อยกว่านั้นหากเกิดในตำแหน่งอื่น ทำให้มีโอกาสหายขาดได้[2] กระนั้นแม้ผ่าตัดออกได้สำเร็จ แต่โดยทั่วไปยังแนะนำเคมีบำบัดและรังสีบำบัดอยู่[2] ในผู้ป่วยบางส่วนอาจรักษาด้วยการผ่าตัดอาจปลูกถ่ายตับ[3] แม้การผ่าตัดสำเร็จ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีโอกาสรอดชีวิต 5 ปีไม่ถึง 50%[6]
มะเร็งท่อน้ำดีพบน้อยในโลกตะวันตก โดยมีอุบัติการณ์ต่อปีประมาณ 0.5–2 ต่อ 100,000 คนในโลกตะวันตก[2][6] แต่อุบัติการณ์ของมะเร็งท่อน้ำดีในไทยกลับมีสูงมากที่สุดในโลก ในบางพื้นที่สูงถึง 60 ต่อ 100,000 คนต่อปี[7][5] ตรงแบบเกิดในบุคคลวัย 70–79 ปี ทว่า ในผู้ป่วยท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ มะเร็งมักเกิดในบุคคลอายุ 40–49 ปี[3] และในช่วงหลายสิบปีมานี้อัตราอุบัติการณ์ของมะเร็งท่อนำดีทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น[10]