ภาษารูปนัย
From Wikipedia, the free encyclopedia
ในตรรกศาสตร์, คณิตศาสตร์, ภาษาศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ภาษารูปนัย (อังกฤษ: Formal language) บ้างก็ว่า ภาษาแบบแผน ประกอบด้วยคำซึ่งสะกดด้วยตัวอักษร (symbol (formal)) จากชุดตัวอักษรชุดหนึ่ง และจัดดีแล้ว (well-formedness) ตามกฎชุดหนึ่ง
ชุดตัวอักษรของภาษารูปนัยภาษาหนึ่งประกอบด้วยสัญลักษณ์, ตัวอักษร หรือโทเค็น ซึ่งต่อกัน (concatenate) เป็นสายอักขระในภาษานั้น[1] สายอักขระแต่ละสายซึ่งต่อกันขึ้นจากสัญลักษณ์ในชุดตัวอักษรนั้นเรียกว่าคำ และบางครั้งคำในภาษารูปนัยภาษาหนึ่งก็เรียกว่าคำที่จัดดีแล้ว หรือ สูตรที่จัดดีแล้ว (well-formed formula) ภาษารูปนัยถูกกำหนดโดยไวยากรณ์รูปนัย (formal grammar) เช่นไวยากรณ์ปรกติ (regular grammar) หรือไวยากรณ์ไม่พึ่งบริบท (context-free grammar) ซึ่งประกอบด้วยกฎการจัดรูป (formation rule) ของตัวเอง
สาขาทฤษฎีภาษารูปนัย (อังกฤษ: Formal language theory) ศึกษาด้านวากยสัมพันธ์ หรือรูปแบบโครงสร้างภายในของภาษารูปนัยเป็นหลัก ทฤษฎีภาษารูปนัยแยกออกมาจากภาษาศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจถึงระเบียบทางวากยสัมพันธ์ของภาษาธรรมชาติ ภาษารูปนัยถูกใช้ในวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นรากฐานของนิยามของไวยากรณ์ของภาษาโปรแกรม และของภาษาธรรมชาติรูปแบบรูปนัยซึ่งคำในภาษานั้นแทนแนวคิดที่สัมพันธ์กับความหมายอันหนึ่ง ตามปกติในทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณ ปัญหาการตัดสินใจถูกนิยามเป็นภาษารูปนัย และกลุ่มความซับซ้อนถูกนิยามเป็นเซตของภาษารูปนัยที่เครื่องซึ่งมีพลังในการคำนวณจำกัดสามารถแจงส่วน (parsing) ได้ ในตรรกศาสตร์และรากฐานของคณิตศาสตร์ ภาษารูปนัยถูกนำมาใช้เพื่อแทนวากยสัมพันธ์ของระบบสัจพจน์ (axiomatic system) และรูปนัยนิยม (formalism (philosophy of mathematics) เป็นปรัชญาที่กล่าวว่าคณิตศาสตร์ทั้งหมดล้วนสามารถถูกลดรูปให้กลายเป็นเพียงกระบวนการดัดแปลงทางวากยสัมพันธ์ของภาษารูปนัยได้