พระจันทร์
From Wikipedia, the free encyclopedia
พระจันทร์ (เทวนาครี: चंद्र จํทฺร หรือ चन्द्र จนฺทฺร หมายถึง "ส่องแสงสว่าง"[1]) เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่งในศาสนาฮินดู มีที่มาจากเทพปกรณัมฮินดูในอินเดีย ในคติไทย พระจันทร์ถูกสร้างขึ้นมาจากการที่พระศิวะทรงนำนางอัปสร 15 องค์ บดป่นเป็นผง แล้วห่อผ้าสีขาวนวล จากนั้นจึงประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วได้เสกให้เป็นพระจันทร์ โดยพระจันทร์มีพระวรกายสีขาวนวล ทรงอาชาม้าเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันออก และแสดงถึงอักษรวรรค กะ (ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง) เรียกว่า พยัคฆนาม
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระจันทร์ | |
---|---|
เทพผู้เป็นใหญ่ในบรรดาดาวนักษัตร เทพแห่งดวงจันทร์ แสงนวลจันทร์ ความเย็น กลางคืน น้ำโสม น้ำขึ้นน้ำลง | |
พระจันทร์ ในคติอินเดีย ทรงราชรถม้า | |
ส่วนเกี่ยวข้อง | เทวดานพเคราะห์ และเทพคณะวสุ |
ดาวพระเคราะห์ | จันทรโลก (ดวงจันทร์) |
อาวุธ | ดาบจันทรหัส,คทา,หม้อน้ำโสม,ดอกบัว,จักร,สังข์,ตรีศูล,ไม้เท้า,ธนู,ศร,บ่วงบาศ ฯลฯ |
พาหนะ | ราชรถสีเงินเทียมม้าขาว ๑๐ ตัว,ราชรถเทียมกวาง,ราชรถเทียมละมั่ง,ม้า,กวาง,ละมั่ง,หงส์,นกอินทรี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่ครอง | พระนางโรหิณี และเทวีนักษัตร รวม ๒๗ นาง,พระนางตารา(ชู้) ฯลฯ |
บิดา-มารดา |
|
พี่น้อง | ทุรวาส และ พระทัตตาเตรยะ |
ลักษณะของพระจันทร์ ในคติไทย เป็นเทพบุรุษ มีกายสีขาว มี 2 กร ทรงดอกบัวและพระขรรค์เป็นอาวุธ สวมมงกุฎน้ำเต้า สวมอาภรณ์สีขาว ทรงเครื่องประดับด้วยเงินและไข่มุก ทรงม้าเป็นพาหนะ ในคติฮินดู เป็นเทพบุรุษมีกาย สีขาวเงิน รูปร่างเล็ก เอวเล็ก มีรูปงาม มีรัศมีเย็นสีเงิน มี 4 กร ทรงดอกบัว คทา หม้อน้ำโสม ฯลฯ สวมมงกุฎสีเงิน สวมอาภรณ์สีขาว ทรงเครื่องประดับด้วยเงินและไข่มุก ประทับนั่งบนดอกบัว ทรงราชรถสีเงินเทียมม้าขาว 10 ตัว บางทีก็ทรงกวาง พระจันทร์ ยังมีนามอื่นๆอีก อาทิ เช่น พระโสม,พระศศิ,พระศศิธร,พระรัชนีกร,พระนักษัตรนาถ,พระตาราธิป,พระศีตางศุ,พระนิศากร,พระอินทุ,พระศจิน,พระศีตางคะ ฯลฯ
ในพุทธศาสนาแบบเถรวาท พระจันทร์ หรือ จันทรเทพบุตร เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง ในเทพทั้ง 33 องค์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานกว้าง 147 โยชน์ ( 2,352 กิโลเมตร) ใหญ่ 49 โยชน์ ( 784 กิโลเมตร ) มีราชรถเทียมม้า 100 ตัว เป็นผู้ขับเคลื่อนดวงจันทร์ ในสมัยพุทธกาลได้เป็นพระโสดาบัน
พระจันทร์ เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ ให้ผลในทางนุ่มนวลและอ่อนโยน นั่นคือ ผู้ใดที่เกิดวันจันทร์ หรือมีพระจันทร์สถิตร่วมกับลัคนา มักมีอารมณ์ที่อ่อนโยน เพ้อฝัน เจ้าชู้ มีเสน่ห์ รวนเร (แต่อาจมีเล่ห์เหลี่ยมมาก) ตามนิทานชาติเวร พระจันทร์เป็นมิตรกับพระพุธ และเป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี โดยเรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตพระจันทร์เกิดเป็นคนจนผู้ยากไร้ พระเสาร์เกิดเป็นพ่อค้า พระราหูเกิดเป็นคฤหบดี พระพุธเกิดเป็นสุนัขในบ้านคฤหบดี คนจนได้ไปยืมเงินของคฤหบดี แต่ไม่มีเงินใช้หนี้จึงต้องหนีไป วันหนึ่งพ่อค้าผู้เป็นเพื่อนของคฤหบดี ได้มาพบคนจนเข้าจึงนำเรื่องไปแจ้งกับคฤหบดี สุนัขที่เฝ้าบ้านได้ฟังแล้วเกิดสงสารคนจนจึงเข้าขบกัดคฤหบดีจนไม่สามารถไปตามจับคนจนได้ ตั้งแต่นั้น พระจันทร์จึงเป็นมิตรกับพระพุธ ส่วนพระเสาร์จึงเป็นมิตรกับพระราหู และพระราหูเป็นศัตรูกับพระพุธ ส่วนเรื่องพระจันทร์เป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดีนั้น ครั้งหนึ่ง พระจันทร์เกิดเป็นบุตรี(ลูกสาว)ของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมานพหนุ่ม พระอังคารเกิดเป็นวิทยาธร มานพหนุ่มได้มาเล่าเรียนวิชากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ จนสำเร็จวิชา อาจารย์จึงได้ยกบุตรีให้ และให้ใส่นางไว้ในผอบทองเพื่อจะได้ปลอดภัย วันหนึ่งมานพไปหาผลไม้ในป่า วิทยาธรได้ลักลอบมาเป็นชู้กับบุตรีอาจารย์ ซึ่งอาจารย์ได้เข้าฌานและได้เห็นความประพฤติชั่วของบุตรี จึงได้คิดอุบายขึ้นมา วันหนึ่งมานพกลับมาเยี่ยมอาจารย์ อาจารย์ได้หยิบเซี่ยนหมากออกมารับรองไว้สองเซี่ยน มานพเห็นผิดธรรมเนียมจึงไต่ถาม อาจารย์จึงบอกให้รีบกลับไปที่เรือนและเปิดผอบดูเถิด เมื่อมานพหนุ่มกลับมา เปิดผอบพบนางผู้เป็นภรรยาเป็นชู้กับวิทยาธร วิทยาธรเห็นดังนั้นก็ตกใจ หยิบพระขรรค์ฟันศีรษะมานพหนุ่ม ส่วนมานพขว้างจักรเพชรไป ถูกขาวิทยาธรขาด ตั้งแต่นั้นมา พระจันทร์จึงเป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี ส่วนพระพฤหัสบดีเป็นมิตรกับพระอาทิตย์ และพระอาทิตย์เป็นศัตรูกับพระอังคาร จากตำนานนี้ผู้ใดที่เกิดวันจันทร์แล้วพระพุธโคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะมีมิตรสหายเกื้อหนุน ได้ลาภยศทรัพย์สินเงินทอง รอดพ้นภัยพาล หากพระพฤหัสบดีโคจรเข้าสู่ดวงชะตา จะเกิดการทะเลาะวิวาทกับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีอำนาจ ซึ่งจะมีเรื่องต้องอับอายขายหน้า
ในโหราศาสตร์ไทย พระจันทร์ถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๒ (เลขสองไทย) และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากนางฟ้า 15 องค์ จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น 15 สำหรับพระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ก็คือ ปางห้ามสมุทร
เมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว พระจันทร์เปรียบได้กับอาร์เทมีส หรือไดอะไนซัสในเทพปกรณัมกรีก และไดอานาในเทพปกรณัมโรมัน[2] [3]