จักรวรรดิดัตช์
From Wikipedia, the free encyclopedia
จักรวรรดิอาณานิคมดัตช์ (ดัตช์: Nederlandse koloniale rijk) เป็นหนึ่งในจักรวรรดิอาณานิคมของโลกที่เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสาธารณรัฐดัตช์ซึ่งได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน และเป็นมหาอำนาจทางทะเลเช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกสและสหราชอาณาจักร ประกอบด้วยดินแดนโพ้นทะเลและสถานีการค้าที่ควบคุมโดยบริษัทเอกชนของดัตช์ (ส่วนใหญ่คือบริษัทอินเดียตะวันตกและบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์) ซึ่งต่อมาควบคุมโดยสาธารณรัฐดัตช์ และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ตามลำดับ[1] ในช่วงแรก อาณานิคมของดัตช์เริ่มต้นมาจากจุดประสงค์ทางการค้ามากกว่าการขยายอาณาเขตดินแดน มีการสร้างป้อมปราการริมฝั่ง โรงงาน ท่าเรือ และไม่ครอบครองพื้นที่มากนักเพื่อเลี่ยงการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็นในการบริหารอาณานิคม[2] เน้นการแลกเปลี่ยนค้าขายกับชนพื้นเมืองดั้งเดิม ยกเว้นในเคปโคโลนี(ปัจจุบันคือแอฟริกาใต้)และหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์(ปัจจุบันคืออินโดนีเซีย)ที่มีการขยายอาณาเขตเข้าไปในดินแดนเพื่อปกครองชาวอาณานิคม
จักรวรรดิอาณานิคมดัตช์ Nederlandse koloniale rijk | |
---|---|
ค.ศ. 1602–ค.ศ. 1975 | |
ธงชาติ | |
แผนที่แสดงอาณานิคมของจักรวรรดิดัตช์และสถานีการค้าที่เกี่ยวข้อง สีเขียวอ่อนคือดินแดนที่ถูกปกครองโดยบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ ส่วนสีเขียวเข้มถูกปกครองโดยบริษัทอินเดียตะวันตกของเนเธอร์แลนด์
| |
สถานะ | จักรวรรดิ |
เมืองหลวง | อัมสเตอร์ดัม |
ประวัติศาสตร์ | |
• ก่อตั้ง | ค.ศ. 1602 |
• การยึดครองเกาะอัมบน | ค.ศ. 1605 |
• เข้าปกครองอินโดนีเซีย | ค.ศ. 1800 |
• เสียอินโดนีเซีย | ค.ศ. 1949 |
• เสียนิวกินีของเนเธอร์แลนด์ | ค.ศ. 1962 |
• ปาปัวนิวกินีประกาศเอกราช | ค.ศ. 1975 |
ความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมต่อเรือของชาวดัตช์มีส่วนสำคัญในการขยายอาณาจักรการค้าระหว่างยุโรปกับโลกตะวันออก แต่เดิมนั้นบริษัทการค้าในยุโรปมีขนาดเล็ก ไม่มีเงินทุนและกำลังคนมากพอที่จะดำเนินงานในระดับใหญ่ รัฐสภาเนเธอร์แลนด์มอบสิทธิ์ขาดให้บริษัทเอกชนคือคือบริษัทอินเดียตะวันตกและบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ดำเนินการค้า โดยมีอำนาจสูงเกือบเทียบเท่ารัฐบาล มีความสามารถที่จะเข้าร่วมสงคราม สั่งจำคุกประประหารชีวิตนักโทษ เจรจาสนธิสัญญา และจัดตั้งอาณานิคมเองได้[3] นับว่าเป็นบริษัทการค้าทางทะเลที่ใหญ่และกว้างขวางมากที่สุดในขณะนั้น[4] ขยายเส้นทางการค้าไปถึงทวีปอเมริกาใต้ผ่านช่องแคบมาเจลลันทางตะวันออกของแอฟริกาผ่านแหลมกู๊ดโฮป มีเงินทุนไหลเวียนมหาศาล ทำให้กรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก[5] นำมาสู่ยุครุ่งเรืองที่เรียกว่า ยุคทองของเนเธอร์แลนด์ในศตวรรษที่ 17[6]
แต่เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จักรวรรดิดัตช์เริ่มเสื่อมลงจากผลของสงครามอังกฤษ-ดัตช์ครั้งที่ 4 ในช่วงปี ค.ศ. 1780 ถึง 1784 เป็นผลให้จักรวรรดิดัตช์สูญเสียอาณานิคมจำนวนมากให้กับจักรวรรดิบริติช[7] และมาเสียดินแดนเป็นบริเวณกว้างช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่มีการเรียกร้องเอกราชในดินแดนอาณานิคมทั่วโลก