การรุกรานไซปรัสของตุรกี
From Wikipedia, the free encyclopedia
การรุกรานไซปรัสของตุรกี[27] (ตุรกี: Kıbrıs Barış Harekâtı, แปลตรงตัว 'Cyprus peace operation'; กรีก: Τουρκική εισβολή στην Κύπρο, อักษรโรมัน: Tourkikí eisvolí stin Kýpro) ซึ่งประเทศตุรกีใช้รหัสนามว่า ปฏิบัติการอัตติลา[28][29] (ตุรกี: Atilla Harekâtı) เริ่มดำเนินการในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1974 ต่อเนื่องจากรัฐประหารในประเทศไซปรัสในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1974[30]
การรุกรานไซปรัสของตุรกี | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ ข้อพิพาทไซปรัส | |||||||||
แผนที่เชื้อชาติในประเทศไซปรัสใน ค.ศ. 1973 สีทองคือผู้มีเชื้อสายกรีก สีม่วงคือผู้มีเชื้อสายตุรกี และสีแดงคือฐานทัพของสหราชอาณาจักร[1] | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
ตุรกี องค์กรต่อต้านตุรกี |
ประเทศไซปรัส EOKA B กรีซ | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
ฟาฮ์รี โครูทืร์ค บือแลนท์ เอเจวิท เนจเมตทิน แอร์บาคัน ราอุฟ แดงก์ทัช |
นีโกส ซัมป์ซอน กลัฟโกส กลีรีดิส ดีมีตรีโอส โยอานีดิส เฟดอน จีซีจิส | ||||||||
กำลัง | |||||||||
ตุรกี: กองทัพ 40,000 นาย[12] รถถังเอ็ม47 และเอ็ม48 160–180 คัน[13] ดินแดนแทรกของตุรกีในประเทศไซปรัส: ชาย 11,000–13,500 คน ระดมพลสูงสุดถึง 20,000 คน[14] รวม: 60,000 คน |
ไซปรัส: กองกำลัง 12,000 นาย[15] กรีซ: กองทัพ 1,800–2,000 นาย[16] รวม: 14,000 คน | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
บาดเจ็บและเสียชีวิต 1,500–3,500 คน (ประมาณการ) (ทหารและประชาชน)[17][18] รวมไปถึงผู้เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ 573 นาย (กองทัพตุรกี 503 นาย, กำลังต่อต้าน 70 นาย) ประชาชนถูกสังหาร 270 คน สูญหาย 803 คน (ตัวเลขทางการใน ค.ศ. 1974)[19] บาดเจ็บ 2,000 คน[20] [17][18][21] |
บาดเจ็บและเสียชีวิต 4,500–6,000 คน (ประมาณการ) (ทหารและประชาชน)[17][18] รวมทหารไซปรัสเสียชีวิต 309 คน ฝ่ายกรีกเสียชีวิต 105 คน [22] สูญหาย 1,000–1,100 คน (ณ ค.ศ. 2015)[23] บาดเจ็บ 12,000 คน[24][25] | ||||||||
ชาวไซปรัสเชื้อสายกรีกถูกขับออกจากไซปรัสเหนือ 200,000 คน ถูกสังหาร 9 นาย บาดเจ็บ 65 นาย |
รัฐประหารครั้งนั้นสั่งการโดยรัฐบาลทหารกรีกและจัดฉากโดยกองกำลังพิทักษ์ชาติไซปรัส[31][32] ร่วมกับเอโอกา-บี รัฐบาลทหารได้ขับประธานาธิบดีอัครมุขนายกมาการีโอสที่ 3 แห่งไซปรัส ออกจากอำนาจ แล้วแต่งตั้งนีโกส ซัมป์ซอน ให้ดำรงตำแหน่งแทน[33][34] จุดประสงค์ของรัฐประหารคือการรวม (enosis) ไซปรัสเข้ากับประเทศกรีซ[35][36][37] และการประกาศตั้งสาธารณรัฐเฮลเลนิกแห่งไซปรัส (Hellenic Republic of Cyprus)[38][39]
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1974 กองทัพตุรกีได้รุกรานและยึดพื้นที่ร้อยละ 3 ของเกาะก่อนจะมีการประกาศหยุดยิง คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองกรีกล่มสลายและถูกแทนที่ด้วยรัฐบาลประชาธิปไตย ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1974 กองทัพตุรกีเข้ารุกรานอีกครั้งและยึดพื้นที่เกาะได้ประมาณร้อยละ 36 แนวเส้นหยุดยิงตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1974 เป็นต้นมา กลายเป็นเขตกันชนของสหประชาชาติในประเทศไซปรัส และเรียกกันโดยทั่วไปว่าเส้นสีเขียว
ประชาชนประมาณ 150,000 คน (มากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของประชากรประเทศไซปรัส และหนึ่งส่วนสามของประชากรชาวไซปรัสเชื้อสายกรีก) ถูกขับออกจากตอนเหนือของเกาะที่ซึ่งมีประชากรชาวไซปรัสเชื้อสายกรีกคิดเป็นร้อยละ 80 ไม่กี่ปีต่อมาใน ค.ศ. 1975 ชาวไซปรัสเชื้อสายตุรกีเกือบ 60,000 คน[40] คิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรชาวไซปรัสเชื้อสายตุรกี[41] ถูกขับจากตอนใต้ไปยังตอนเหนือ[42] การรุกรานของตุรกีสิ้นสุดลงด้วยการแบ่งแยกเกาะไซปรัสออกด้วยเส้นสีเขียวที่สหประชาชาติเฝ้าสังเกต และก่อตั้งเขตปกครองตนเองของชาวไซปรัสเชื้อสายตุรกีโดยพฤตินัยในตอนเหนือ ใน ค.ศ. 1983 สาธารณรัฐตุรกีแห่งนอร์เทิร์นไซปรัสประกาศเอกราช แม้ว่ามีเพียงประเทศตุรกีเพียงประเทศเดียวที่ให้การรับรองก็ตาม[43] ประชาคมระหว่างประเทศถือว่าดินแดนนอร์เทิร์นไซปรัสคือดินแดนที่ตุรกียึดครองในสาธารณรัฐไซปรัส[44] ประชาคมนานาชาติมองว่าการยึดครองดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ โดยถือว่าเป็นการยึดครองดินแดนสหภาพยุโรปซึ่งไซปรัสเป็นสมาชิกอยู่[45]
บรรดาผู้พูดภาษาตุรกีเรียกปฏิบัติการนี้ว่า "ปฏิบัติการสันติภาพไซปรัส" (Kıbrıs Barış Harekâtı) "ปฏิบัติการสันติภาพ" (Barış Harekâtı) หรือ "ปฏิบัติการไซปรัส" (Kıbrıs Harekâtı) เพราะพวกเขาอ้างว่าการดำเนินการของทหารตุรกีเป็นปฏิบัติการรักษาสันติภาพ[46][47][48][49]